Home » “สไมลิง เกกโก” ชุบชีวิตเด็กยากไร้ในกัมพูชา

“สไมลิง เกกโก” ชุบชีวิตเด็กยากไร้ในกัมพูชา

by rttwp01
25 views

เมื่อไม่นานมานี้กรุงเทพฯ ได้ต้อนรับฮันเนส ชมิด ช่างภาพชั้นครูชาวสวิส และมารียา อน นูน เชฟหญิงชาวกัมพูชา ผู้ที่ฮันเนส ชมิด สนับสนุนช่วยเหลือจากเด็กยากจนในสลัมสู่เชฟระดับแถวหน้าของกัมพูชา ในการจัดงานงานประมูลงานศิลปะฝีมือเด็กนักเรียนของ Smiling Gecko (สไมลิง เกกโก) องค์กรไม่แสวงหากำไร ที่อุทิศการทำงานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และภาพวาดจาก บิล เบนส์ลีย์ สถาปนิกชื่อดัง ที่โรงแรม W โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปช่วยสไมลิง เกกโก ยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กยากไร้และด้อยโอกาสในกัมพูชา

ฮันเนส ชมิด เป็นชาวเมืองซูริค อายุอานามใกล้แปดสิบปี มีอาชีพช่างภาพซึ่งเขาเรียนรู้การถ่ายภาพด้วยตนเอง จนมีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านแฟชั่น ภาพถ่ายร็อกสตาร์ และโฆษณา โดยเฉพาะงานของมาร์ลโบโร ที่ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์จนเป็นที่กล่าวขานจนทุกวันนี้ อาชีพช่างภาพได้พาให้เขาได้เดินทางไปแทบทั่วทุกมุมโลก แต่เมื่อเขามาถึงกัมพูชา ภาพชีวิตของคนด้อยโอกาส โดยเฉพาะเด็กๆในสลัม ที่มีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นและสกปรก ต้องคุ้ยเขี่ยเก็บอาหารจากกองขยะมากิน ไม่มีน้ำสะอาดดื่มหรืออาบ ทำให้เขาสะเทือนใจอย่างมาก จนเกิดความคิดว่าเขาจะทำอย่างไรที่จะช่วยเด็กพวกนี้ได้บ้าง 

หลังจากเล่าสิ่งที่พบเห็นให้ภรรยาฟัง เขาจึงตัดสินใจใช้เงินส่วนตัวก่อตั้งองค์กรสไมลิง เกกโก องค์กรไม่แสวงหากำไรเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ขึ้นในปี 2012 และหาซื้อที่ผืนหนึ่งในอำเภอสามัคคีมีชัย (สามัคคีเมียนเจย) อยู่ห่างจากพนมเปญประมาณ 60 กิโลเมตร สร้างสถานที่ที่เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนศิลปะและวิชาชีพ คัดเลือกเด็กยากจนจากสลัมมาเรียน พร้อมกันนี้ก็สร้างเกสต์เฮาส์ชื่อว่า The Farmhouse Resort&Spa เพื่อเป็นการหารายได้ช่วยแคมปัสอีกทางหนึ่ง ชมิดใช้เงินส่วนตัวไปแล้วกว่าสองล้านดอลลาร์

ในรีสอร์ทนี้เองก็มีร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งชื่อว่า UN (อน) ซึ่งบริหารจัดการโดยเชฟมารียา อน นูน

จากเด็กสลัมสู่เชฟระดับสากล มารียา อน นูน เกิดในครอบครัวชาวกัมพูชาที่ยากจน ถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวที่ร่ำรวยเมื่ออายุได้ 12 ปี โดยทำงานเป็นแม่บ้าน แต่ด้วยความโชคร้าย มารียาต้องเผชิญกับการทารุณกรรมจากหัวหน้าของครอบครัวนั้น เธอจึงตัดสินใจหนีกลับไปยังสลัมของกรุงพนมเปญ และหางานทำในโรงงานเสื้อผ้าเพื่อแลกกับค่าจ้างเพียงเล็กน้อย มารียาแต่งงานกับชายที่อายุมากกว่าขณะที่เธอยังเป็นเพียงวัยรุ่น และให้กำเนิดลูกหนึ่งคน แต่ในที่สุดสามีก็ทิ้งเธอให้เลี้ยงลูกเพียงลำพัง

จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของมารียาเริ่มต้นขึ้นในปี 2013 เมื่อ ฮันเนส ชมิด ได้รับคำขอร้องจากเพื่อนของคนขับตุ๊กตุ๊กของเขาในพนมเปญ ให้ช่วยดูแลมารียา และลูกสาวของเธอ เมื่อชมิดได้ฟังเรื่องราวและเห็นสภาพความเป็นอยู่ของทั้งสองคน จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อให้ทั้งคู่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม โดยส่งลูกสาวของเธอไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก ส่วนมารียาได้มีโอกาสกลับไปเรียนหนังสือ ซึ่งเธอได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นอกจากการเรียนแล้ว มารียายังช่วยงานในบ้านของชมิดในกรุงพนมเปญ ซึ่งต่อมากลายเป็นสำนักงานใหญ่ของ สไมลิง เกกโก แคมโบเดีย ชมิดมักจะมีแขกจากสวิตเซอร์แลนด์เดินทางมาเยี่ยมเยือนเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรของเขา ในค่ำคืนหนึ่งระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่เขาเป็นเจ้าภาพเพื่อต้อนรับแขกจาก Hotel Management School Lucerne ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำด้านการบริหารการโรงแรม แขกทุกคนรวมถึงชมิด ต่างรู้สึกประทับใจในอาหารที่มารียาตั้งใจทำขึ้นมาเป็นพิเศษ

ทั้งชมิดและผู้บริหารของ Hotel Management School Lucerne เห็นพรสวรรค์อันโดดเด่นในการทำอาหารของมารียา จึงตัดสินใจส่งเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนการโรงแรมแห่งนี้ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่เปิดทางให้มารียาได้พัฒนาทักษะ ได้ฝึกงานในร้านอาหารของโรงแรมชื่อดัง อาทิ โรงแรมวิดเดอร์ (Hotel Widder) ในเมืองซูริค โรงแรมชต๊าดพาเลซ (Palace Gstaad) ในเมืองชต๊าด และ เดอะ เชดิ (The Chedi) ในเมืองอันเดอร์แมท โดยในปี 2019 มารียาได้รับตำแหน่งหัวหน้าเชฟประจำ ฟาร์มเฮาส์ รีสอร์ท (Farmhouse Resort) ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของสไมลิง เกกโก แคมปัส

ชมิด ยังได้ขยายเครือข่ายกับเชฟระดับแถวหน้าของสวิตเซอร์แลนด์ โดยจัดการพบปะกับเชฟชื่อดังอย่าง แฟรงค์ จีโอวานนินี (Franck Giovannini) และ อันเดรียส คามินาดา (Andreas Caminada) ซึ่งเชฟอันเดรียสยังให้การสนับสนุน สไมลิง เกกโก และมารียาผ่านมูลนิธิ Fundazion Uccelin ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง และยังส่งเชฟหนุ่มสาวผู้มีพรสวรรค์มายัง Farmhouse Resort & Spa เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับมารียาอยู่เสมอ โดยมารียาทำหน้าที่ถ่ายทอดศาสตร์การทำอาหารของกัมพูชา ขณะที่เชฟที่ได้มาเยือน ก็นำอาหารของเธอไปเผยแพร่สู่ยุโรป ซึ่งนับเป็นการถือกำเนิดของอาหารกัมพูชารูปแบบใหม่ในวงการอาหารโลก โดยเป็นอาหารที่ยังคงรักษารากเหง้าและเลือกใช้วัตถุดิบแบบดั้งเดิม แต่นำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ชื่อเสียงของมารียา ยังดึงดูดแแบรนด์ใหญ่ระดับโลก โดยเธอได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในทีมแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเมอร์เซเดส (Mercedes) รวมถึงการสนับสนุนจาก วี-ซูค (V-Zug)บุคเคอเรอร์ (Bucherer)และ วิคตอรีน็อกซ์ (Victorinox)อีกด้วย

มารียาตอบแทน สไมลิง เกกโก ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กหญิงหลาย ๆ คน นอกจากนี้ เธอยังนำรายได้ทั้งหมดจากการสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง ไปสนับสนุนโครงการของ สไมลิง เกกโก เพื่อช่วยเหลือและยกระดับชุมชนในกัมพูชา เช่น การฝึกอบรมด้านการเกษตร การจัดเวิร์กช็อปเพื่อสร้างอาชีพ การบริการด้านการโรงแรม และการศึกษาอย่างครบวงจรให้กับเด็ก ๆ มากกว่า 500 คน

สัมผัสประสบการณ์และลิ้มรสอาหารกัมพูชารูปแบบใหม่ของมารียาได้ที่ Farmhouse Resort & Spa ซึ่งประกอบด้วยร้านอาหารต่าง ๆ รวมถึง อน (UN) ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งในสไตล์เชฟเทเบิลซึ่งเปิดใหม่ล่าสุด หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.smilinggecko.ch และ farmhouse-smilinggecko.com

You may also like

About Us

สื่อที่มุ่งเน้นข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ เป็นกลาง เพื่อให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ

@2022 – All Right Reserved. Designed and Developed byu00a0PenciDesign